คุณจะออกเดินทางจาก อามัลฟี ที่ตั้งอยู่ตรงกลางใจกลางเมือง อะมัลฟี และสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเส้นทางในขณะที่คุณมาถึงที่ โรมา เตอร์มินี ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางของ โรม.
คุณจะออกเดินทางจาก อามัลฟี ที่ตั้งอยู่ตรงกลางใจกลางเมือง อะมัลฟี และสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเส้นทางในขณะที่คุณมาถึงที่ โรมา เตอร์มินี ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางของ โรม.
Are you ready for an unforgettable train journey through the stunning landscapes of Italy? Get on board as we embark on a delightful adventure from the beautiful coastal town of Amalfi to the vibrant city of Rome. Get ready to discover hidden gems, majestic cities, and soak in the rich history that Italy has to offer.
Title: Amalfi to Rome: A Scenic Journey through Historic Italy
Our journey begins in Amalfi, nestled on the picturesque Amalfi Coast. Hop aboard a train at the Amalfi Station, and prepare to be mesmerized by the breathtaking views of the Mediterranean as we make our way towards Rome.
As we wind our way through the enchanting region of Campania, we pass by the charming towns of Sorrento and Naples. Sorrento is known for its stunning sea cliffs and lemon groves, while Naples is renowned for its vibrant street markets and mouthwatering pizza.
Continuing our journey, we arrive at the bustling city of Rome. Step off the train at the iconic Roma Termini Station, the main railway hub of the city. From here, you can easily access the countless marvels Rome has to offer, such as the ancient Roman Forum, the Colosseum, and the awe-inspiring Vatican City.
The distance between Amalfi and Rome is approximately 264 kilometers (164 miles), making it a relatively short train ride. The journey takes around 3 to 4 hours, allowing you to sit back, relax, and soak in the scenic beauty of Italy's countryside.
To make your trip even more enjoyable, keep an eye out for the exquisite ceramic pottery found in both Amalfi and Rome. These intricately designed pieces showcase Italy's traditional craftsmanship and make for perfect souvenirs to remember your journey by.
In conclusion, traveling by train from Amalfi to Rome is an extraordinary experience that combines breathtaking coastal views, historic towns, and remarkable landmarks. So, pack your bags, hop on the train, and let Italy's charm captivate you every step of the way.
รถไฟจาก อะมัลฟี ไปยัง โรม ใช้เวลาเท่าไหร่?
ประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนขบวนและเวลารอระหว่างขบวน
การเดินทางที่เร็วที่สุดจาก อะมัลฟี ไปยัง โรม โดยรถไฟคืออะไร?
เดินทางโดยรถไฟจาก ซาเลอร์โน ไปยัง โรม ด้วยรถไฟความเร็วสูง Frecciarossa หรือ Italo
รถไฟจาก อะมัลฟี ไปยัง โรม ราคาเท่าไหร่?
ราคาตั๋วรถไฟประมาณ 20 ถึง 60 € ขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟและการจองล่วงหน้า
มีรถไฟวิ่งตรงจาก อะมัลฟี ไปยัง โรม หรือไม่?
ไม่ ต้องเดินทางจาก อะมัลฟี ไป ซาเลอร์โน ก่อน แล้วจึงโดยสารรถไฟไป โรม
ระยะทางจาก อะมัลฟี ไปยัง โรม โดยรถไฟเท่าไหร่?
ระยะทางโดยรถไฟจาก ซาเลอร์โน ไป โรม คือประมาณ 270 กิโลเมตร
รถไฟจะหยุดที่เมืองใดบ้างในเส้นทางจาก อะมัลฟี ไปยัง โรม?
หยุดที่ ซาเลอร์โน, บางครั้งอาจผ่าน นาเปิลส์ ตามเส้นทางและประเภทของรถไฟ
อะมัลฟี เมืองต่างจังหวัดที่สงบและมีมนต์ขลังบนชายฝั่งใต้ของ อิตาลี ซึ่งมีทั้งประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง ที่นี่เคยเป็นหนึ่งในเมืองท่าที่สำคัญในยุโรป และยังคงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและประวัติศาสตร์
มหาวิหารอะมัลฟี (Cattedrale di Sant'Andrea)
ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มหาวิหารสไตล์โรมาเนสก์-บาโรกนี้เป็นที่เก็บพระสังขี้และมีประวัติยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เปิดให้เข้าชมทุกวัน, ค่าเข้า 3€, แนะนำให้เยี่ยมชมในตอนเช้าเพืู่อหลีกเลี่ยงฝูงชน
หอคอยนาเวลลา (Torre della Ziro)
เคยเป็นหอสังเกตการณ์ มอบทัศนียภาพที่สวยงามของอะมัลฟีและทะเล เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ ไม่มีค่าเข้าชม, เดินเท้าจากใจกลางเมืองประมาณ 30 นาที
สวนสาธารณะบายาเดย์อิงลิซี (Parco della Rimembranza)
สวนที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับความสงบ มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองและทะเล ไม่มีค่าเข้าชม, เปิดทุกวัน
พิพิธภัณฑ์กระดาษอะมัลฟี (Museo della Carta)
แสดงวิวัฒนาการและประวัติของการทำกระดาษในอะมัลฟี, เปิดทุกวัน 10:00-18:30, ค่าเข้าชม 4€, แนะนำให้ไปชมการสาธิตการทำกระดาษแบบดั้งเดิม
วัลเลเดย์มูลินี (Valle dei Mulini)
หุบเขาลึกที่เต็มไปด้วยโครงการน้ำเข็มและโรงงานกระดาษเก่า อุดมไปด้วยธรรมชาติและเหมาะสำหรับเดินป่า, เปิดทุกวัน, เข้าชมฟรี
โบสถ์ซันตามาเรียอัสซุนต้า (Chiesa di Santa Maria Assunta)
โบสถ์ที่มีเพดานฝ้าสวยงามและภาพฝาผนัง, เปิดทุกวัน, ค่าเข้าชม 2€, เยี่ยมชมเพื่อสัมผัสกับศิลปะศาสนาของอิตาลี
อุโบสถอาจิเนนเซ่ (Arco Naturale)
หินโค้งธรรมชาติที่สวยงาม สามารถเดินทางจากเมืองประมาณ 45 นาที สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมพระอาทิตย์ตก ไม่มีค่าเข้าชม
การเดินทางในอะมัลฟีนั้นค่อนข้างง่ายด้วยการเดินเท้าหรือโดยเรือโดยรอบชายฝั่ง สามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองได้อย่างเต็มที่ อย่าลืมลิ้มลองอาหารท้องถิ่น เช่น ริซอตโต้ซึ่งเป็นข้าวอิตาลีที่ปรุงด้วยปลาหรืออาหารทะเล
โรม—เมืองที่เต็มไปด้วยความงามทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมซึ่งเป็นที่สุดแห่งการผสานวัฒนธรรมโบราณเข้ากับโลกสมัยใหม่ในทุกมุมมอง.
โคลอสเซียม - อัฒจันทร์ยักษ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของ โรม และเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ โรมัน. ตั้งอยู่ใจกลางเมือง, เปิดเวลา 08:30-19:00, ค่าเข้าชม €16. เคล็ดลับ: ซื้อตั๋วแบบข้ามวันเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด.
พานธีออน - วิหารโบราณที่มีหลังคาโดมขนาดมหึมาที่ยังคงสมบูรณ์ดีที่สุดในโลก. ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก จัตุรัส Piazza della Rotonda, เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย. เคล็ดลับ: เยี่ยมชมในเวลากลางคืนเพื่อชมการส่องสว่างที่งดงาม.
น้ำพุเทรวี - น้ำพุที่ใหญ่ที่สุดใน โรม และเป็นหนึ่งในน้ำพุที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก. ตั้งอยู่ในย่าน Trevi, เป็นที่รู้จักจากประเพณีการโยนเหรียญ. เคล็ดลับ: โยนเหรียญสามเหรียญเพื่อหวังโชคลาภ.
วาติกัน - รัฐอิสระในใจกลาง โรม ที่เป็นที่ตั้งของ พระราชวังวาติกัน และ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์. เปิดเวลา 09:00-18:00, ค่าเข้าชม €17. เคล็ดลับ: จองตั๋วล่วงหน้าออนไลน์เพื่อเลี่ยงคิวยาว.
ฟอรั่มโรมัน - ใจกลางของการเมือง, ศาสนา, และชีวิตสังคมของ โรมันโบราณ. ตั้งอยู่ใกล้ โคลอสเซียม, เปิดเวลา 08:30-19:00, ค่าเข้าชม €12. เคล็ดลับ: ใช้เวลาชมทั้งพื้นที่เพื่อซึมซับบรรยากาศอันน่าหลงใหล.
สเปนิชสเต็ปส์ - บันไดใหญ่ที่นำไปสู่ จัตุรัส Piazza di Spagna, สถานที่ยอดนิยมสำหรับการพักผ่อนและชมผู้คน. เคล็ดลับ: เพลิดเพลินกับเจลาโต้ขณะนั่งพักผ่อนที่บันได.
พิพิธภัณฑ์วาติกัน - บ้านของงานศิลปะที่สำคัญมากมายรวมถึง ห้องชุดซิสทีน ที่มีภาพวาดของมิคาเอลแองเจโล. เปิดเวลา 09:00-18:00, ค่าเข้าชม €21. เคล็ดลับ: ใช้เวลาอย่างน้อยหลายชั่วโมงเพื่อชื่นชมผลงานทางศิลปะที่น่าประทับใจ.
การเดินทางไปรอบ โรม นั้นเปรียบเสมือนการย้อนเวลากลับไปยังยุคสมัยที่ จักรวรรดิโรมัน ยังคงงดงาม พร้อมด้วยอาหารอิตาเลียนแท้ๆ ที่ทุกคำชวนให้หลงใหล.
ในการเดินทางสู่เมืองอะมัลฟี ที่สุดแสนจะโรแมนติก สถานีรถไฟหลักที่นักท่องเที่ยวใช้บ่อยคือสถานี Salerno ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจาก อะมัลฟี เพียงแค่ 23 กิโลเมตร จากนั้นสามารถต่อรถบัสหรือเรือเฟอร์รี่มายังเมือง อะมัลฟี ในขณะที่เมืองอะมัลฟีเองไม่มีสถานีรถไฟในเขตเมือง การเดินทางโดยรถไฟมายังสถานี Salerno จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายและเปี่ยมไปด้วยความสวยงามของทิวทัศน์ตลอดเส้นทางเชื่อมต่อกับเมืองใกล้เคียง อย่างเช่น โปซิตาโน และเกาะคาปรี.
สำหรับสถานี Salerno, ตั้งอยู่ที่ Piazza della Concordia, 84123 Salerno SA, ประเทศอิตาลี. สถานีนี้เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 04:30 น. ถึง 01:30 น. ที่สถานีมีบริการเก็บกระเป๋า ซึ่งสะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวชมเมืองโดยไม่ต้องห่วงเรื่องกระเป๋าเดินทาง. นอกจากนี้ยังมีบริการร้านค้า, ร้านอาหาร, และคาเฟ่เพื่อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อนหย่อนใจระหว่างเดินทาง.
โรม เป็นหนึ่งในเมืองที่มีระบบการเดินทางโดยรถไฟที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพสูง สถานีหลักที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญคือ สถานีรถไฟเทอร์มินี (Roma Termini) นอกจากนี้ยังมีสถานีรถไฟอื่นๆ ที่สำคัญเช่น สถานีรถไฟทิบูร์ตินา (Roma Tiburtina) และ สถานีรถไฟโอสเตียนเซ (Roma Ostiense) ซึ่งทั้งสามสถานีนี้เชื่อมโยงกับเส้นทางต่างๆ ทั่ว ยุโรป อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่ สถานีรถไฟเทอร์มินี ตั้งอยู่ที่ Piazza dei Cinquecento, แขวงเอสควิลิโน่, โรม, นักท่องเที่ยวสามารถพบกับบริการต่างๆ ที่ครอบคลุม เช่น บริการเก็บกระเป๋า และข้อมูลการท่องเที่ยว เวลาทำการของสถานีคือ ตั้งแต่ 04:30 น. ถึง 01:30 น. ของวันถัดไป การเดินทางจากสถานีนี้สู่สถานที่ต่างๆ ในเมืองหรือการเดินทางไปยังเมืองอื่นในยุโรปจึงสะดวกสบายและรวดเร็ว
จองล่วงหน้า:
เช่นเดียวกับค่าตั๋วเครื่องบิน ราคาตั๋วรถไฟมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อใกล้ถึงวันเดินทาง การจองล่วงหน้าหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนสามารถช่วยคุณประหยัดเงินได้มาก
เดินทางในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีคนใช้บริการ:
หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาที่มีคนใช้บริการมาก เช่น เช้าวันธรรมดาและช่วงเย็น เลือกเดินทางในช่วงกลางวัน ช่วงเย็น หรือช่วงกลางสัปดาห์เมื่อมีความต้องการน้อยกว่า
พิจารณารถไฟที่ช้าลงหรือเส้นทางที่ไม่วิ่งตรง:
รถไฟด่วนหรือรถไฟความเร็วสูงอาจประหยัดเวลา แต่ก็มักจะแพงกว่า การเลือกใช้บริการรถไฟท้องถิ่นหรือบริการที่ช้าลงสามารถลดค่าโดยสารได้
มองหาข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่น:
ผู้ประกอบการรถไฟบางครั้งมีโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว การสมัครรับจดหมายข่าวอาจคุ้มค่า นอกจากนี้ยังมีส่วนลดตั๋วกลุ่มหรือตั๋วไปกลับบางครั้ง ดังนั้นพิจารณาตัวเลือกเหล่านี้หากเหมาะสมกับแผนการเดินทางของคุณ